top of page
เคสไอแพดโปร
ค้นหา
รูปภาพนักเขียนSheep Admin

เหล้าเก่าในขวดใหม่ หรือ ชุดใหม่ไฟกระพริบ แฉ iPad Air 2019 / iPad Mini 2019





เมื่อคืน Apple จัดเซอไพรซ์ชุดใหญ่ ด้วยการย่องเบาเงียบๆกลางดึกเข้า Apple Store และทำการเปิดตัว iPad รุ่นใหม่ถึง 2 รุ่นด้วยกันคือ iPad Air และ iPad Mini ทำเอาแฟนๆ Apple และทีมงาน AppleSheep ตื่นเต้นกันจนนอนไม่หลับเลยทีเดียว ทีนี้หลายๆคนน่าจะได้เห็น Spec และราคาคร่าวๆของทั้ง 2 รุ่นกันไปแล้วไม่ว่าจะทาง web ของ Apple หรือตาม Social Media ที่แชร์กัน แต่ผมเชื่อว่าหลายๆคนอาจจะงงกับศัพท์เฉพาะทางต่างๆ ไม่ว่าจะ A12 Bionic, Full Lamination, ขอบเขตสี P3, Gigabit LTE , อ่านไปนึกว่าภาษาต่างดาว 555 หรือบางคนงงว่าตอนนี้ Apple มี iPad ถึง 4 รุ่น (iPad / iPad Mini / iPad Air / iPad Pro) แล้วตัวเราเองควรจะซื้อรุ่นไหน ความจุเท่าไหร่ ที่ตรงกับความต้องการของตัวเราที่สุดและไม่เสียเงินมากเกินจำเป็น หยุดความงงและความสงสัยไว้ตรงบรรทัดนี้ได้เลยครับ ทีมงานโคตรโปรของ AppleSheep เจ้าพ่อแห่งวงการ iPad เมืองไทย ได้สรุปและย่อยข้อมูลทุกอย่างให้เข้าใจง่ายๆด้วยภาษาคนทั่วๆไป อ่านทีเดียวรู้เรื่องตลอดชีวิต พร้อมกันฟันธงให้กันไปเลยว่าใครเหมาะกับ iPad รุ่นไหน ไม่ต้องรีรออีกต่อไปครับ มาดูกันเลย สรุปราคา iPad ทั้งหมด @Apple Store Thailand (ณ วันที่ 19/3/2019) ก่อนอื่นมาดูราคากันชัดๆเลยครับว่าราคาในไทยสำหรับ iPad ทั้ง 4 รุ่น (iPad / iPad Mini / iPad Air / iPad Pro) ราคาเท่าไหร่กันบ้าง มีความจุเท่าไหร่ มีสีอะไรให้เลือกบ้าง *ในภาพจะไม่รวม iPad Pro 12.9” 2018 เพื่อให้การเปรียบเทียบ iPad Air / iPad Mini (2019) เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น*




Spec iPad Mini 2019 / iPad Air 2019 เข้าใจง่ายๆ iPad Mini 2019 กับ iPad Air 2019 มี Spec ข้างในที่เหมือนกันทุกอย่างต่างกันแค่ iPad Air จะมีขนาดหน้าจอที่ใหญ่กว่าที่ 10.5” และรองรับการใช้ Smart Keyboard ของ Apple ส่วน iPad Mini จะมีขนาดหน้าจอ 7.9” และใช้ได้แค่กับ Bluetooth keyboard เท่านั้น คราวนี้มาดู Spec สำคัญๆแบบเข้าใจง่ายๆกันครับ - ชิป A12 Bionic (+Neural Engine เพื่อให้ใช้งานเหมาะสมกับ iPad) หรือพูดด้วยภาษาง่ายๆคือมีขุมพลังเทียบเท่า iPhone XS Max/ XS/ XR - รองรับ Apple Pencil Gen 1 ทำให้สามารถใช้จดโน้ต วาดรูป ตัดต่อภาพนิ่ง/วีดีโอพื้นฐาน ดูหนังตอบเมลได้อย่างไม่มีปัญหา - ใช้ระบบสแกนนิ้ว Touch ID (ไม่มี Face ID) จะกลางวันกลางคืน ใส่แว่น ผมปิดหน้า ก็ไม่ต้องกังวล สตาร์ทติดง่ายเพียงแค่นิ้วสัมพัส - หน้าจอสีสันสวยงามมาพร้อมคุณภาพดีกว่า iPad 9.7 2018 แต่เป็นรอง iPad Pro แค่ในเรื่องความสว่างที่จะน้อยกว่านิดนึง และ Refresh Rate หน้าจอที่ 60 Hz ไม่มี Pro Motion (ซึ่งก็คือระบบการ Refresh หน้าจอในระดับ 120Hz ใน 1 วิ) ภาษาง่ายๆคือเวลาเลื่อนจอเร็วมากๆ จอที่ไม่มี Pro Motion เช่นของ iPad/iPad Mini/iPad Air ตัวภาพจะไม่ค่อย smooth และเคลื่อนไหวกระตุกนิดนึง แต่สำหรับคนทั่วไปที่ใช้งานวาดรูป จดโน็ต ตัดต่อพื้นฐาน หรือเล่นเกมส์ในการตั้งค่าปานกลาง ก็ไม่มีผลกระทบอะไรครับ - กล้องหลัง 8MP กล้องหน้า 7MP เอาง่ายๆคือไม่ได้ดีเท่า iPhone แต่กว่าดีกว่า iPad ทั้งหมดที่เคยมีมา (ยกเว้นตระกูล iPad Pro) สามารถใช้ scan เอกสารได้ดี หรือจะถ่ายภาพทั่วไปก็ถือว่าไม่ขี้เหร่อะไร แต่แค่อย่าคาดหวังว่าจะถ่ายรูปหรือ selfie ได้ดีเท่า iPhone นะครับ - มี 3 สีให้เลือก คือ Silver (เทา) / Space Grey (เทาเข้มๆเกือบดำ) / Gold (ออกแนว Rose Gold ทองอมชมพู) จบในเรืองของ Spec กันแล้วมาเข้าเรื่องกันครับว่า iPad รุ่นไหนเหมาะกับใคร โดยเราจะไล่จากถูกที่สุดไปแพงสุดกันครับ iPad 9.7 (2018) iPad รุ่นประหยัด ยังคงระดับแชมป์ความคุ้มค่าที่สุดเมื่อเทียบคุณภาพกันบาทต่อบาท !!! ราคาเริ่มต้นแสนถูกกับรุ่น 32GB แต่สมัยนี้คงใช้กันไม่พอแน่ๆ ทีมงาน Applesheep ขอแนะนำให้ซื้อที่ความจุ 128GB ที่ราคา16,500 บาท รวม Apple Pencil ไปด้วย 3,400 บาท ก็ยังไม่ถึง 20,000 บาทครับ ซึ่งคู่นี้ AppleSheep ถือได้ว่ารุ่นที่คุ้มค่าที่สุดเหมาะสมที่สุดสำหรับ - นักศึกษาที่ต้องการใช้จดงาน Lecture ใช้งาน App เช่น Goodnotes/Notability/Notes ได้ลื่นๆไม่มีปัญหา หรือจะแต่งรูป/ตัดวีดีโอเบาๆ ใน iMovie ก็ได้ครับ - พนักงานออฟฟิศ ที่ต้องใช้จดงาน / ตอบอีเมล/ ใช้ Google Drive / ใช้ Microsoft Office หรือจะทำ InfoGraphic ผ่าน App Keynote/Canva - แม่ค้าออนไลน์ ที่ต้องคอยตอบลูกค้า ยิงโฆษณาผ่าน App ในตระกูล Facebook / Line@ - สายวาดรูป เขียนการ์ตูน ทำ Sticker ในระดับเบื้องต้น เป็นงานอดิเรก ไม่ได้จริงจังมาก - สายชิล เน้นไถ Social ดู Youtube/Netflix - เล่นเกมส์ทั่วไป ไม่ได้จริงจังมาก (หากจริงจังให้ดู iPad Mini 2019) ใครที่กำลังหา iPad และใช้งานแค่ตามฟังค์ชั่นข้างบนแล้ว ทีมงาน AppleSheep แนะนำให้ซื้อรุ่นนี้เลยครับ แม้จะใช้ชิปตัวเก่าหน่อยแต่ประสิทธิภาพยังคงยอดเยี่ยม พูดง่ายๆคือเก่าแต่เก๋าครับ iPad Mini 2019 ทีมงาน AppleSheep ขอฟังธงเลยว่า iPad Mini (2019) จะเป็นอุปกรณ์ Gaming ที่ดีที่สุดของ Apple!!! แม้ขนาดหน้าจอจะเล็กกระทัดรัดแต่บอกได้เลยครับว่า iPad Mini อัดแน่นด้วยพลังเทียบเท่า iPhone XS Max/ XS/ XR แต่หน้าจอใหญกว่าถึง 1.4 นิ้ว เรากล้าบอกได้เลยครับว่า Gamer ที่ชอบจอใหญ่ๆ กับเกมส์ฮิตๆไม่ว่า ROV/Fortnite/PUBG เจ้า iPad Mini (2019) เอาอยู่หมดครับ แถมน้ำหนักก็เบาสุดๆแค่ 300 กรัม สามารถถือได้ด้วยมือเดียว เรียกได้ว่าเป็น iPad ที่พกพาง่ายที่สุดในโลก คราวนี้มาดูเรื่องความจุครับ รุ่นนี้มีให้เลือกที่ 64GB และกระโดดไป 256GB วิธีการเลือกง่ายๆครับ ถ้าใครใช้ iPhone อยู่แล้ว 64GB ไม่พอเราแนะนำให้ซื้อ 256GB ครับ ใช้งานยาวๆ sync ข้อมูลระหว่าง iPad/iPhone ได้อีกหลายปีแบบไร้กังวลคุ้มค่ากับส่วนต่าง 5,000 บาทครับ ฉะนั้นชุดคอมโบของ iPad mini 2019 ที่แนะนำคือ 256GB 18,900 + Apple Pencil 3,400 บาท รวมกัน 22,300 บาทครับ คราวนี้มาดูกันว่า iPad Mini เหมาะสมกับใคร - Gamer ตัวพ่อตัวแม่ บอกเลยต้องโดน - พนักงานสายเดินทาง สาย Outdoor เน้นการพกพา เน้นจดงานสั้นๆเร็วๆ iPad Mini ตอบโจทย์ที่สุด - Youtuber หรือ Vlogger ที่ต้องความคล่องตัวจดงาน จด Script หรือจะดู Script ตอน Vlog ก็ยังได้ - นักวาดภาพ วาดการ์ตูน ที่อาจจะทำงาน Animation ที่ละเอียด ผ่าน ProCreate/ LightroomCC แต่ไม่เน้นหน้าจอใหญ่ - สายชิลเน้นไถ Social ดู Youtube และต้องการพกพาในกระเป๋า ฉะนั้นใครที่ไม่เน้นจดงานที่จริงจังมาก ไม่ได้ต้องการหน้าจอใหญ่ๆ อยากได้ Spec ที่อยู่ยาวได้อีกหลายๆปี iPad Mini เข้าไทยมาอย่ารอช้าครับ ของมันต้องมี iPad Air 2019 AppleSheep ขอฟันธงว่านี่จะเป็น iPad ที่ขายดีที่สุดในปีนี้แน่นอน !!!

แม้จะเป็น Design เดิมที่ถอดแบบมาจาก iPad Pro 10.5 (2017) มาเลย แต่ Apple ได้ทำการยกเครื่องใส่ในออกมาใส่ขุมพลังตัวใหม่เข้ามาให้แรงขึ้น ทีมงานเราบอกได้เลยครับว่าถ้าไม่ใช่คนที่ต้องทำงาน Graphic/Animation หนักๆ หรือต้องตัด VDO 4K iPad Air 2019 เอาอยู่ทุกความต้องการครับ แต่ทั้งนี้ Apple ก็กลัวความแรงจะแซงพี่ใหญ่อย่าง iPad Pro จึงลดประสิทธิภาพหน้าจอให้ลงมาหน่อยและยังคงใช้งาน Apple Pencil Gen 1 ที่เวลาชาร์จก็จะลำบากนิดนึงครับขนาดความจุก็เหมือนกับกรณี Mini เลยครับ ถ้าไหว AppleSheep แนะนำให้ดูชุดคอมโบที่ความจุ 256GB 22,900 บาท + Apple Pencil 3,400 บาท รวมที่ 26,300 บาทครับ จะเห็นได้ว่าราคารวมยังถูกกว่าซื้อ iPad Pro 2018 อีกครับ ที่นี้มาดูกันว่า iPad Air 2019 เหมาะกับสมกับใคร

- นักศึกษาสาย Graphic / Comm Art ที่ต้องเน้นงาน Design และ ตัดต่อในระดับปานกลาง-มาก ต้องการพลังการประมวลผลเยอะๆ iPad Air 10.5” 2019 จะตอบโจทย์มากกว่า iPad 9.7 2018 ครับ - พนักงานสาย Graphic หรือ Marketing ที่ต้องทำ InfoGraphic เยอะๆ ไม่ได้หนักระดับ 4K/Raw หรือจะเผื่อ Spec ไว้รอ App Photoshop ที่กำลังจะมาลง iPad ในปีนี้ ให้มองรุ่นนี้เป็นหลักเลยครับ - พนักงานทั่วไปที่ต้องการใช้จดงานเยอะๆ และพิมพ์งานเยอะๆ สาย Admin/HR/Project Co. ที่ต้องใช้ Apple Pencil และ Smart Keyboard ของ Apple รุ่นนี้ตอบโจทย์ครับ (แต่ถ้าไม่เน้นใช้ Smart Keyboard ตัว iPad 9.7 2018 จะเหมาะสมกว่าครับ) - สายวาดรูป แต่งภาพ จริงจังที่เน้นใช้งาน ProCreate/Lightroom CC และต้องการเผื่อ Spec ใช้งานไปอีกหลายๆปี

ในภาพรวมทีมงาน AppleSheep มองว่าด้วยขนาดหน้าจอ และขุมพลังในเครื่อง หากใครกำลังเล็งจะอัพเกรดจาก iPad 9.7 2018 หรือกำลังมองหา iPad ที่มีหน้าจอใหญ่ และขุมพลังที่แรงในระดับนึง ใช้งานหนักกว่างานพื้นฐานทั่วไปให้มอง iPad Air 10.5 2019 เป็นอุปกรณ์คู่ใจของคุณชิ้นต่อไปเลยครับ


iPad Pro 11” 2018 ทรงพลังยิ่งกว่า Notebook อาวุธคู่กายมือโปรทั่วปฐพี!!! อุปกรณ์ที่โคตรโปร โคตรทรงพลัง และ โคตรแพง ฉะนั้นทีมงาน AppleSheep บอกเลยว่าเหมาะสมกับสายโปรเท่านั้นครับ หากจะใช้งานทั่วไป ไม่ได้เน้นการประมวลผลที่แรงสะท้านปฐพี จัดเพียงแค่ iPad/iPad Air ก็พอครับขนาดความจุที่เหมาะสมเราเคยบอกไปแล้วในบทความก่อนๆ แต่จุด Sweet Spot ที่เหมาะสุดๆ ไม่เยอะไป ไม่น้อยไป คือเลขเดิมครับ 256GB 33,900 บาท + Apple Pencil 4,490 บาท = 38,390 บาท (แพงกว่า iPad Air 2019 ถึง 12K) มาดูกันครับว่า iPad Pro เหมาะสมกับใคร

- มือโปรด้านการตัดต่อที่ต้องใช้งานไฟล์ RAW หนักๆ VDO 4K เยอะๆ บอกเลยครับว่าลองใช้งาน iPad Pro 11” 2018 ดูแล้วจะรู้ว่าการ Render งาน 4K ในระดับความเร็ว Macbook Pro และไม่มีแม้แต่เสียงพัดลมดังออกมาเป็นยังไง - มือโปรด้านการวาดรูปต้องทำงาน Graphic ระดับพระกาฬต้องใช้ PhotoShop เยอะๆแบบจริงจัง - พนักงานออฟฟิศที่ต้องใช้งาน MultiTask เยอะๆ ต้องตรวจงานไฟล์หนักๆระดับองค์กรเยอะมากๆ และอยากได้รับประสบการณืช์การใช้งาน Apple Pencil Gen 2

ฉะนั้นเน้นย้ำอีกรอบนะครับว่าแม้ iPad Pro จะเป็นอุปกรณ์ที่ทรงพลังเอาอยู่ทุกงานแต่ด้วยราคาที่แรงขนาดนี้หากไม่ได้ใช้ทำงานหนักจริงๆ จะใช้งานได้ไม่คุ้มค่าเอานะครับ


หากใครกำลังคิดจะซื้อ iPad ไม่ว่าจะรุ่นไหนก็ตามแล้วยังไม่แน่ใจ สามารถทักมาขอคำแนะนำก่อนตัดสินใจซื้อกับทีมงานของ AppleSheep ได้เลยครับ ทีมงานโคตรโปรของเราพร้อมให้คำแนะนำทุกคำถามและบริการด้วยใจเสมอครับ นอกจากคำแนะนำแล้ว ทางร้านยังมี Case / ฟีล์ม/กระจก/กระเป๋า/ปลอกApple Pencil/Keyboard ที่ออกแบบมาอย่างดีในราคาที่คุ้มค่าและตอบทุกโจทย์ของคนใช้งาน iPad อย่างแน่นอนครับ


ขอขอบคุณภาพและข้อมูลจาก www.apple.com

ดู 14,792 ครั้ง1 ความคิดเห็น

Comments


bottom of page